ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
ถ้าไม่เจอโควิด เศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย จะเป็นอย่างไร
เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวจากจีดีพีฐานในปี 2562 ที่เติบโตในอัตราแค่ร้อยละ 2.4
พอมาเจอแรงกระแทกจากโควิดที่มีการล็อคดาวน์กทม.ปลายเดือน มี.ค. เศรษฐกิจไทยก็หล่นวูบ
ไตรมาา 1 จีดีพียังติดลบแค่ร้อยละ 2.0 แต่พอไตรมาส 2 ติดลบหนักถึงร้อยละ 12.2
และ ไตรมาส 3 ก็ติดลบอีกร้อยละ 6.4 สรุป 9 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทยติดลบร้อยละ 6.7
สภาพัฒน์คาดการณ์ทั้งปีจีดีพีจะติดลบร้อยละ 7.8-7.3
ทางด้านตลาดหุ้นก่อนโควิดมา ก็ไม่สู้จะดีนัก ออกสตาร์คต้นปีมาที่ 1,579 จุด เดือน ก.พ. เริ่ม
รับรู้การแพร่ระบาดที่เมืองอู่ฮั่น ดัชนีสิ้น ก.พ.อยู่ที่ 1,340 จุด สิ้น มี.ค.ดัชนีหล่นวูบมาอยู่ที่
1,125 จุดเลย
ดัชนีหลักทรัพย์ฯ ต่ำที่สุดในปีนี้อยู่ที่ 1,010 จุด เมื่อ 16 มี.ค. และสูงสุดที่ 1,503 จุด
เมื่อ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก็เป็นช่วงที่เงินทุนไหลเข้ามาตั้งแต่ต้นพ.ย.ล่ะครับ
สิ้นปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็มีลุ้นจะปิดเหนือระดับ 1,450 จุดได้เหมือนกัน
ตลาดหุ้นไทยที่ไม่ถึงกับเลวร้ายนัก ก็พอมีพื้นฐานรองรับพอสมควรจากปัจจัยเงินทุนไหล
เข้า และปัจจัยจากมาตรการรัฐ ที่ไม่เอาสาธารณสุขนำหน้าเศรษฐกิจ โดยหลีกเลี่ยง
มาตราการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
แต่ก็นั้นแหละ ปัจจัยชี้ขาดที่สุดของตลาดหุ้นก็คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ซึ่งปีนี้ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากโควิดเป็นอันมาก ปีหน้าฟ้าใหม่ก็ต้องปรับตัวสู่ยุคนิวนอร์มัล
ที่ทุกธุรกิจก็ต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดและความเจริญเติบโต
ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า ธุรกิจใครยังทำงานแบบเดิม ๆ ไม่มีการปรับตัวเลยสักอย่าง ก็ดู
จะน่าเป็นห่วงถึงการอยู่รอดและการถูกดิสรัปชั่นจากยุคสมัยแห่งเทคโนโลยี
ที่ผ่านมา พอจะมีสัญญาณที่ดีอยู่บ้างจากมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้เป็นเวลา 6 เดือน
ซึ่งสิ้นสุดในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา หลังพ้นกำหนด ปรากฎว่า ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้เป็นปกติได้
ถึงร้อยละ 70
ยกภูเขาออกจากอกไปได้เปลาะหนึ่ง
ความหวังจะปลดล็อกทั้งปวงก็คงจะอยู่ที่วัคซีนต้านโควิด ซึ่งทั่วโลกเริ่มฉีดเข้าร่างกายมนุษย์ล็อตแรกกันแล้ว
หากไม่ปรากฎว่า ผู้รับวัคซีนติดเชื้อโควิด ก็แสดงว่าวัคซีนได้ผล
เศรษฐกิจโลกรวมทั้งประเทศไทย คงฟื้นตัวเป็นปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว โควิดก็จะ
เป็นแค่ไวรัสร้ายชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์ชาติสามารถควบคุมเอาชนะได้
แต่เหนืออื่นใด ไม่ว่าวัคซีนจะประสบผลสำเร็จแค่ไหน หรือยังต้องเดินเส้นทางค้นหาอีกยาว
ไกล เราก็ต้องปรับธุรกิจ ปรับชีวิตให้อยู่ร่วมกันไปได้ ก็จะเป็นประสบการณ์ล้ำค่า
ยิ่งใหญ่ไม่แพ้บทเรียน “ต้มยำกุ้ง”
“ปีหนู” ที่กำลังจะผ่านพ้น ถือเป็น “ปีโหด” หวังว่า ความร่มเย็นเป็นสุขจะคืนกลับมาในปี
ฉลู-วัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้